man

การรักษาข้อมูลส่วนตัวบนโลกออนไลน์

การเข้าใจแนวคิดของการปกป้องความเป็นส่วนตัวในโลกออนไลน์รอยเท้าดิจิทัลการรักษาความปลอดภัยทางดิจิทัลช่วยป้องกันภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ได้ข้อแนะนำต่อไปนี้ให้ผู้ใช้งานรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวและอุปกรณ์ดิจิทัล

1.)  ไม่ตั้งรหัสผ่านที่ง่ายเกินไป รหัสผ่านเป็นกุญแจที่ไขเข้าสู่ข้อมูลและเอกสารของเรา อาชญากรไซเบอร์จะใช้วิธีต่างๆ เพื่อที่จะเข้าผ่านเข้ารหัสได้ เพื่อที่จะไม่ให้คนพวกนี้เข้าถึงง่าย ควรตั้งรหัสที่ยากและซับซ้อน และไม่ควรบันทึกรหัสผ่านไว้ในอุปกรณ์ดิจิทัล

 2.)  ใส่ใจกับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว แอปส่วนใหญ่จะมีตัวเลือกในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้ใช้งาน เพื่อที่จะตัดสินได้ว่าข้อมูลไหนจะแบ่งปันให้ใครได้เท่าไร ทางที่ดีควรเลือกตั้งค่าที่มีความเป็นส่วนตัวให้มากที่สุด ระมัดระวังในการเปิดเผยชื่อและที่ตั้งของเรา และปฏิเสธ App ที่พยายามจะเข้าถึงกล้องถ่ายรูปของเรา

 3.)  ใส่ใจรอยเท้าดิจิทัล สิ่งที่ผู้ใช้โพสต์ลงโลกออนไลน์แล้ว สิ่งนั้นคงจะอยู่ตลอดไป แม้ว่าโพสต์ต้นทางจะลบแล้ว คนอื่นก็จะตามร่องรอยเราจนได้ เมื่อคิดจะโพสควรโพสต์ แต่เรื่องที่ดีๆและระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว

 4.)  ควรติดตั้งโปรแกรมรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ดิจิทัลทุกตัว รวมถึงโทรศัพท์ด้วย เพื่อที่จะปกป้องอุปกรณ์เหล่านั้นจากภัยคุกคามในโลกไซเบอร์

5.)  สำรองข้อมูลไว้เสมอ การสำรองข้อมูลมักถูกมองข้ามเสมอ แต่เป็นเรื่องสำคัญที่จะปกป้องข้อมูลที่สำคัญ โปรแกรมเรียกค่าถ่ายจะยึดข้อมูลของผู้ใช้งานไว้เป็นตัวประกัน

6.)  ติดตั้งเครื่องมือติดตามอุปกรณ์หรือรับหน้าจอ ในกรณีที่ทำหายเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่เอาไปเข้าถึงข้อมูลในเครื่องได้

7.)  ระมัดระวังการใช้บลูทูธ ถึงแม้ว่าจะสะดวกสบายแต่บลูทูธก็ยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ควรจะปิดโหมดบริการนี้ไว้เสมอ เมื่อไม่ได้ใช้งาน

 8.)  Update ระบบปฏิบัติการอยู่เสมอ ทั้งระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ดิจิทัล และโปรแกรมและ Application ที่ติดตั้งในอุปกรณ์นั้น เพื่อที่จะรับบริการด้านความปลอดภัยและซ่อมแซมข้อบกพร่องของรุ่นเก่าๆ

 9.)  ระมัดระวังการใช้ Wifi อุปกรณ์ WiFi ที่ใช้ควรจะมีความปลอดภัยควรตั้งรหัสผ่านไว้ตลอดเวลา และไม่ใช้ WiFi สาธารณะ เมื่อต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือทำธุรกรรม

 10.)  ลบข้อมูลหรือโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว หากว่ามีโปรแกรมหรือแอปที่ไม่ได้ใช้งานหลายเดือนและควรจะเอาออกเสีย เช่นเดียวกับข้อมูลที่ไม่ได้ใช้แล้ว ควรจะลบออก หรือมิฉะนั้นควรจะเก็บข้อมูลเหล่านั้นในฮาร์ดไดรฟ์ต่างหาก หรือเก็บไว้ในลักษณะออฟไลน์ เพื่อที่จะปกป้องข้อมูลส่วนตัวในกรณีที่ผู้ใช้งานอาจจะลืม

 11.)  ระมัดระวังการหลอกลวงให้กรอกข้อมูล มิจฉาชีพจะปลอมตัวเป็นองค์กรที่เป็นที่รู้จัก และหลอกล่อให้ผู้ใช้งานเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เพื่อจะเข้ารหัสผ่านหรือเพื่อติดตั้งมัลแวร์ ควรสังเกต URL ของเว็บไซต์ให้ชัดเจน และอย่ากดลิงค์หรือเปิดไฟล์ที่แนบเข้ามา และระมัดระวังการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่พยายามล้วงข้อมูลส่วนตัว และนำไปเปิดบัญชี internet Banking ที่สามารถโอนเงินจากบัญชีธนาคารของผู้ใช้งานออกไปได้

 12.)  ใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างระมัดระวัง ไม่ควรรับคนที่ไม่รู้จักเป็นเพื่อนหลีกเลี่ยงการแชทกับคนแปลกหน้า ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในหมวดสาธารณะ ลบบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่ได้ใช้แล้ว

closeup-modern-asian-woman-sitting-sidewalk-cafe-with-mobile-phone-girl-reading-text-message-smartphone-while-relaxing-city_197531-30336

ทำไมต้องระวังข้อมูลของคุณ

ในยุคปัจจุบันที่เราใช้เบอร์โทรศัพท์สำหรับโทรหากันน้อยลง เพราะเราหันไปใช้งานฟังก์ชันสื่อสารในแอปฯ สื่อสารหรือโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ร่วมกับอินเทอร์เน็ตแทน ทว่าเบอร์มือถือก็ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเรากับโลกออนไลน์ แต่รู้ไหมว่ายิ่งเราเอาเบอร์มือถือไปยึดโยงกับตัวตนบนออนไลน์มากเท่าไร ชีวิตเราก็ดูจะไม่ปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น แค่เบอร์มือถือที่หลุดออกไปสู่สาธารณะ อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำไปโพสต์ประจานจนโดนโทรก่อกวนไม่หยุดหย่อน ที่สำคัญ ยังมีช่องโหว่ให้มิจฉาชีพนำไปใช้งานได้ในหลาย ๆ รูปแบบ แบบที่ใครหลาย ๆ คนโดนแก๊งคอลเซนเตอร์โทรหาวันละหลายรอบ หรือเจอข้อความฟิชชิ่งหลอกให้กดลิงก์ เป็นต้น

อาจจะยังไม่หายนะเท่ากับการที่ “เบอร์เก่า” ของเราถูกนำมา “รีไซเคิลใหม่” ในตลาดเบอร์ เบอร์เก่าที่เรายกเลิกไปแล้ว ถูกนำไปขายต่อให้กับคนอื่น สิ่งที่น่ากลัวก็คือ คนใหม่ที่ได้เบอร์เก่าของเราไปอาจจะยังเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหลายของเราได้ เมื่อเบอร์มือถือของเราถูกผูกติดกับโลกออนไลน์เยอะแยะไปหมด คนที่ได้เบอร์เก่าของเราไปใช้ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้หมดทุกอย่าง ถ้าเราไม่ได้ทำเรื่องถอดเบอร์เก่าออกจากบริการต่าง ๆ เมื่อระบบส่งรหัส OTP มาให้ มันจะถูกส่งไปที่เบอร์เก่า (ในมือคนใหม่) ด้วยนั่นเอง